วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555

10 สุดยอดอาหารที่ควรทานทุกวัน



ไม่ว่าใคร ๆ ก็ล้วนแล้วอยากจะมีสุขภาพที่ดีไม่ต่างกัน ดังนั้น การดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่หลาย ๆ คนเลือกใช้และที่สำคัญ มันให้ผลลัพธ์ที่ดีซะด้วยสิ โดยเฉพาะเรื่องการรับประทานอาหารที่ทำให้สุขภาพดีจากภายใน ยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ได้ทุกวันเลยล่ะ

อ๊ะ ๆ แต่รู้มั้ยว่า นอกจากการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่แล้ว หากคุณได้รับประทาน "สุดยอดอาหาร" ในทุก ๆ วันแล้ว ยิ่งทำให้คุณมีสุขภาพดีมากขึ้นไปอีก ว่าแต่สุดยอดอาหารที่ว่านี้ คืออะไร อิอิ.. ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลย


1. เบอร์รี่

แม้ว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะเคยเป็นผลไม้ที่หาทานได้ยากในบ้านเรา แต่ในสมัยนี้เห็นจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว เพราะเดี๋ยวนี้เค้ามีขายกันเกลื่อนตามห้างสรรพสินค้า และท้องตลาดบางแห่งด้วย ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นั้น ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารได้มากเลยทีเดียว แถมยังมีแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ และที่สำคัญ ยังมีวิตามิน C ที่ช่วยในเรื่องผิวพรรณและหวัดอีกด้วย









2. ไข่ไก่

ไข่ไก่เป็นสุดยอดอาหารที่หาง่ายมาก ๆ แถมยังราคาถูกอีกแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมว่า ไข่ไก่นั้นเป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง ที่ทำให้คุณได้พลังงานแต่ไม่อ้วน แถมมีประโยชน์ในการบำรุงสายตา อ้อ แถมยังมีลูทีนที่จะป้องกันผิวคุณจากการทำลายของแสงแดดอีกด้วย









3. ถั่ว

ถั่วเป็นแหล่งของเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการส่งผ่านออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยในถั่ว 1 ถ้วย จะให้ธาตุเหล็กประมาณ 16 มิลลิกรัม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงเลยทีเดียว นอกจากนี้ ถั่วยังมีไฟเบอร์ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายได้ง่ายอีกด้วย









4. อัลมอนต์ แม็คคาเดเมีย และมะม่วงหิมพานต์

เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ จากการศึกษาของนักโภชนาการ พบว่า ผู้ที่รับประทานเมล็ดพืชเหล่านี้จะมีอายุยืนกว่าผู้ที่ไม่ได้ทานถึง 2 ปีครึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีโอเมก้า 3 เอแอลเอ ที่จะส่งผลให้อารมณ์ดีขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีด้วย









5. ส้ม

เป็นแหล่งวิตามิน C คุณภาพ ที่มีประโยชน์ต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค รวมทั้งยังมีไฟเบอร์สูง เป็นแหล่งของแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ที่จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย และเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว เรียกว่าคุณประโยชน์ครบครันเลยทีเดีย









6. มันเทศ

อาหารที่หาได้ง่าย แถมยังให้ประโยชน์มากมายกับสุขภาพอีก มันเทศเป็นแหล่งเบตาแคโรทีนชั้นดีที่ช่วยในการบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และที่หลาย ๆ คนคิดไม่ถึง คือ มันเทศมีสารต้านมะเร็งสูงอีกด้วย









7. บร็อคโคลี่

เป็นแหล่งของวิตามินซี เอ และเค เป็นผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตา และมีสารไอโซธิโอไซยาเนทส์ (Isothiocyanates) ที่ช่วยต่อต้านมะเร็งปอด รวมถึงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ วิตามินเคยังเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกด้วย









8. ชา

แม้ว่าชาจะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ไม่ได้ให้ผลดีต่อสุขภาพเท่าไหร่ แต่รู้ไหมว่า การดื่มชาในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์ มะเร็ง และทำให้สุขภาพฟันและกระดูกแข็งแรงขึ้น เพราะในชานั้นมีสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพ









9. คะน้า

มีสารเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด รวมถึงมีวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สร้างภูมิต้านทานโรคที่ดี นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมเสริมสร้างการทำงานของกระดูก









10. โยเกิร์ต

อาหารสุขภาพที่หลาย ๆ คนมักจะซื้อไว้ติดบ้าน เอาไว้ทานยามหิว และนั่นเป็นสิ่งที่ดีแล้ว เพราะในโยเกิร์ตนั้นมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี วิตามินบี 12 และโปรตีน ดังนั้น ถ้าคุณทานโยเกิร์ตให้ได้วันละ 1 ถ้วย จะทำให้สุขภาพคุณดีอย่าบอกใครเลยล่ะ




วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การออกกำลังกาย


ก่อนอื่นก็ขอสวัสดีทุกๆท่านนะครับ วันนี้ผมมีเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพมานำเสนอ นะครับ


นั้นก็คือ...การออกกำลังกาย การออกกำลังกายคือ กิจกรรมของร่างกายที่ช่วยสร้างเสริมและคงไว้ซึ่งสุขภาพ และ ความแข็งแรงของร่างกาย 
          
          หลายคนอาจเข้าใจผิด  คิดว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องยุ่งยาก น่าเบื่อ ต้องเล่นที่สนาม ต้องใส่ชุดวอร์ม ต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือ ต้องนั่น ต้องนี่ ต้อง ฯลฯ โดยในที่สุดมักอ้างง่ายๆ ว่า "ไม่มีเวลา" ก็เลยไม่ต้องเสียเหงื่อเพื่อสุขภาพกันเสียที

        การออกกำลังกายต่างจากการแข่งขันกีฬา เป็นการเล่นเพื่อสุขภาพ ด้วยการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรง เลือดในหัวใจสูบฉีดเพื่อฟอกปอดให้สะอาด และขับเหงื่อซึ่งเป็นของเสียที่ร่างกายไม่ต้องการ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องได้ชัยชนะ แต่จะได้รับความสดชื่นแจ่มใสเป็นรางวัล

        ฉะนั้น เราต้องเริ่มปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องการออกกำลังกายเสียใหม่ เลิกวิตกกับพิธีรีตองต่างๆ สละเวลาให้กับสุขภาพตัวเองวันละ 15-30 นาที แล้วเริ่มปฏิบัติไปพร้อมๆ กับกิจกรรมตามปกติในชีวิตประจำวัน ที่สำคัญ พยายามเตือนตัวเองบ่อยๆ ว่า วันนี้เราทำอะไรเพื่อสุขภาพแล้วหรือยัง­ ถ้ายัง ก็เริ่มกันเลย

ทำไมต้องออกกำลังกายละ?

ในปัจจุบันวิทยาทางการแพทย์มีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น สามารถป้องกัน และรักษาโรคต่าง ๆ ได้มากมาย ดังนั้นสาเหตุส่วนใหญ่ของการเสียชีวิต จะมาจากโรคที่ไม่ติดเชื้อ และจากพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา ยาเสพติด ฯลฯ ซึ่งโรคต่าง ๆ เหล่านี้เราสามารถป้องกันได้หรือทำให้ทุเลาลงได้ โดยการออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร และมีพฤติกรรมในการดำรงชีวิตที่เหมาะสม การป้องกันเสริมสร้างสุขภาพ เป็นวิธีการที่ได้ผล และประหยัดที่สุด สำหรับการมีสุขภาพที่ดี ดังนั้นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพจึงมีประโยชน์และมีความสำคัญ ดังนี้
    
 1. ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน สมรรถภาพการทำงานของหัวใจจะดีขึ้นมาก ถ้าออกกำลังกายอย่างถูกต้อง และสม่ำเสมอติดต่อกัน 3 เดือน ชีพจร หรือหัวใจจะเต้นช้าลง ซึ่งจะเป็นการประหยัดการทำงานของหัวใจ 

2. ลดไขมันในเลือด เพราะไขมันในเลือดสูงเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน 
     
3. เพิ่ม HDL-C ในเลือด ซึ่งถ้ายิ่งสูงจะยิ่งดี จะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน 
    
 4. ลดความอ้วน (ไขมัน) เพิ่มกล้ามเนื้อ (น้ำหนักอาจไม่ลด) 
    
 5. ป้องกัน และรักษาโรคเบาหวาน 
    
 6. ช่วยลดความดันโลหิต (สำหรับผู้มีความดันโลหิตสูง) ลดได้ประมาณ 10-15 ม.ม. ปรอท 
    
 7. ช่วยทำให้หัวใจ ปอด ระบบหมุนเวียนของโลหิต กล้ามเนื้อ เอ็น เอ็นข้อต่อ กระดูก ผิวหนังแข็งแรงยิ่งขึ้น ช่วยลดความเครียด ทำให้นอนหลับดียิ่งขึ้น ความจำดี เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ชะลออายุ ช่วยป้องกันอาการปวดหลัง (เพราะกล้ามเนื้อหลังแข็งแรงขึ้น) 
    
 8. ป้องกันโรคกระดุกเปราะ โดยเฉพาะสุภาพสตรีวัยหมดประจำเดือน 
    
 9. ร่างกายเปลี่ยนไขมันมาเป็นพลังงานได้ดีกว่าเดิม ซึ่งเป็นการประหยัดการใช้แป้ง (glycogen) ซึ่งมีอยู่น้อย และเป็นการป้องกันโรคหัวใจ 
    
 10. ช่วยป้องกันโรคมะเร็งบางชนิด เชื่อ ลำไส้ใหญ่ เต้านม ต่อมลูกหมาก 
    
 11. ทำให้มีสุขภาพดี ประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรค 

โอ้ว...จอร์ด ถ้ามันจะมีประโยชน์ขนาดนี้ทำไมเราจึงจะไม่อยากออกกำลังกายละ


การเริ่มออกกำลังกายออกกำลังกายจากกิจวัตรประจำวัน
  • ใช้การเดินหรือขี่จักรยานเมื่อไปที่ไม่ไกล

  • หยุดใช้รถหนึ่งวันแล้วใช้การเดินไปทำงาน(สำหรับผู้ที่บ้านและที่ทำงานไม่ไกล)

  • ใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟต์หรือบันไดเลื่อน

  • ขี่จักรยานรอบหมู่บ้าน

  • ทำงานบ้าน เช่นทำสวน ล้างรถ ถูบ้าน

  • ขึ้นบันไดหลายขั้น

  • ขุดดินทำสวนนานขึ้น
สุดท้ายนี้ผมก็อยากจะฝากไว้ ให้ทุกๆคนออกกำลังกายกันเถอะครับ แค่วันละ 15 นาที ก็ยังดีเพื่อสุขภาพของทุกๆท่านนะครับ

RRDSCXTQUESA