วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สรรพคุณใบเตย 8




      สรรพคุณของใบเตย สมุนไพรไทยที่มีทั้งกลิ่นหอมและประโยชน์ ใบเตยจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพในด้านไหนได้บ้าง อยากรู้ต้องอ่าน
     
              ประโยชน์ของใบเตยดูเหมือนจะกินขอบเขตมากไปกว่าแค่ใช้ผสมสีและเพิ่มกลิ่นหอมในอาหารซะแล้ว เพราะจากข้อมูลด้านล่างนี้ ทำให้รู้เลยว่าสรรพคุณของใบเตยก็เด็ดในเรื่องสุขภาพไม่แพ้สมุนไพรรักษาโรคชนิดอื่น ๆ เลย

     บำรุงประสาท แก้อาการอ่อนเพลีย

              ดื่มน้ำใบเตยวันละ 2 แก้ว เช้าและกลางวัน จะช่วยให้อาการอ่อนเพลียที่มีอยู่หายไป เนื่องจากใบเตยมีฤทธิ์บำรุงกำลังและระบบประสาท ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้

     บำรุงหัวใจ ลดความดันโลหิต

              ใบเตยเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการบำรุงหัวใจและหลอดเลือด ฉะนั้นผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงจึงสามารถต้มน้ำใบเตยไว้ดื่มเช้า- เย็น เพื่อให้ใบเตยช่วยปรับระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้

     รักษาโรคเบาหวาน

              ต้นและรากของใบเตยมีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะและรักษาโรคเบาหวาน เพราะใบเตยมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยนำราก 1 กำมือไปต้มเป็นน้ำดื่มทุกเช้า-เย็น

     รักษาโรคหัด

              อาการโรคหัดและโรคผิวหนังสามารถรักษาได้ด้วยใบเตย เพียงแค่คุณนำใบเตยมาตำพอหยาบ ๆ จากนั้นพอกลงบนผิว ใบเตยจะช่วยล้างพิษ เชื้อโรค และไวรัสที่อยู่บนผิวได้

     บรรเทาโรคข้อและโรครูมาตอยด์

              ใบเตยมีฤทธิ์เย็น มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดของข้อและกระดูก โดยเฉพาะโรครูมาตอยด์ วิธีการใช้ก็แค่นำใบเตยสด 3 ใบมาล้างให้สะอาด จากนั้นสับพอละเอียดแล้วผสมน้ำมันมะพร้าวลงไปเล็กน้อย คนให้เข้ากัน เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด ใช้เป็นยาทาบรรเทาอาการปวดและอักเสบของข้อ

         นอกจากประโยชน์ใบเตยจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพได้แล้ว ใบเตยยังมีสรรพคุณในด้านบำรุงความงามตามนี้ด้วยล่ะ

       รักษารังแค

                นำใบเตยประมาณ 2-5 ใบมาบดให้ละเอียดจนเป็นผงคล้ายแป้ง จากนั้นนำผงใบเตยมานวดศีรษะเป็นประจำจะช่วยลดรังแคได้

       ย้อมผมดำ

                แม้ใบเตยจะมีสีเขียว แต่เมื่อนำมาต้มจนเป็นสีเขียวเข้มแล้วมาผสมกับน้ำลูกยอต้ม คุณจะได้สีย้อมผมสีดำที่คืนความดำเงาให้เส้นผมแบบไม่เสี่ยงต่อสารเคมีแล้วล่ะค่ะ

       บำรุงผิวพรรณผ่องใส
                          จากสรรพคุณทางยาของใบเตยที่ช่วยรักษาโรคผิวหนังได้ ดังนั้นจึงมีการนำใบเตยมาปั่นแล้วพอกบำรุงผิวพรรณให้ผ่องใสได้เหมือนกัน 

    วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

    เตือน มะนาวหยอดตารักษาต้อเนื้อ ไม่จริง ชี้เป็นอันตรายต่อลูกตาโดยตรง


         เพจดัง บันทึกหมอโหด โพสต์แจง กระแสเอามะนาวมาหยอดตา แก้โรคต้อเนื้อ ไม่จริง ซ้ำก่ออันตรายต่อลูกตาโดยตรงอีกด้วย ชี้เหมือนเป็นการหาเหาใส่หัว หาเรื่องใส่ตัวก็ว่าได้ 

         วันที่ 4 กรกฎาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก บันทึกหมอโหด ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ชาวโลกออนไลน์แห่แชร์ ข้อมูลจากพระรูปหนึ่งที่แนะนำวิธีรักษาโรคต้อเนื้อ โดยการเอาน้ำมะนาวหยอดลูกตานั้น ว่า เป็นเรื่องไม่จริง เนื่องจากลูกตาเป็นอวัยวะที่บอบบางมาก รวมถึงความเป็นกรดด่างด้วย ซึ่งลูกตาปกติควรจะมี pH เป็นกลาง หรืออยู่ประมาณ 7-7.3 ไม่ควรมากหรือน้อยกว่านี้  แต่หากหยอดน้ำมะนาวลงไป และน้ำมะนาวมี pH อยู่ประมาณ 2-3 เท่ากับว่าเป็นการไปเพิ่มความเป็นกรดในลูกตา ถือเป็นอันตรายต่อลูกตาโดยตรงอีกด้วย

    อันตรายจากน้ำอัดลม ระวังให้ดี เบาหวาน-มะเร็ง-โรคหัวใจ

    อันตรายจากน้ำอัดลม ระวังให้ดี เบาหวาน-มะเร็ง-โรคหัวใจ



         น้ำอัดลมเครื่องดื่มสุดซ่า ช่วยแก้กระหาย หารู้ไม่ว่าอันตรายที่แฝงอยู่นั้นมีมากจนควรหยุดดื่มถ้าไม่อยากเจอปัญหาสุขภาพ
           
           จากผลการศึกษาล่าสุดที่ถูกตีพิมพ์ในสารสารทางวิชาการ Circulation เมื่อปลายเดือนมิถุนายนปี 2015 พบว่า น้ำอัดลมนั้นสามารถคร่าชีวิตคนได้มากกว่า 184,000 คนต่อปี โดยในปี 2010 มี ผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวานถึง 133,000 คน โรคระบบหลอดเลือดหัวใจอีก 45,000 คน และอีก 6,450 คนที่เหลือเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นผลมาจากการดื่มน้ำอัดลมติดต่อกันเป็นประจำ ขณะที่ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 45 ปี และยังมีความเสี่ยงโรคอ้วนสูงอีกด้วย
             
             โดยในการศึกษาได้ทำการรวบรวมผลมาจากผลวิจัยทางด้านอาหารกว่า 62 ผลงาน ในช่วงปี 1980 - 2010 รวมแล้วมีผู้เข้าร่วมในการศึกษาทั้งสิ้นกว่า 611,971 คน จากกว่า 51 ประเทศ พบว่า ประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา มีอัตราการเสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากการดื่มน้ำอัดลมสูงที่สุดในโลก โดยประเทศเม็กซิโกอยู่ที่ 405 คน ต่อประชากร 1 ล้านคน หรือตีเป็น 24,000 คน และสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 125 คน ต่อประชากร 1 ล้านคน หรือตีเป็นจำนวน25,000 คน
               
             นอกจากนี้ 3 ใน 4 ของผู้เสียชีวิตอันมีสาเหตุมาจากการดื่มน้ำอัดลมนั้นอยู่ในประเทศที่กำลังพัฒนา และเป็นอยู่ในกลุ่มที่มีอายุน้อย มากกว่ากลุ่มผู้สูงอายุอีกด้วย ขณะเดียวกันยังมีการศึกษาอีกมากมายทั่วโลกที่ตอกย้ำให้เห็นว่าการดื่มน้ำอัดลมนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความพิการและเสียชีวิตจากโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคมะเร็งได้