วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

กรมอนามัย เผยคนไทยเมินอ่านฉลากก่อนซื้อแปรงสีฟัน หวั่นกระทบต่อสุขภาพช่องปาก

กรมอนามัย เผยคนไทยเมินอ่านฉลากก่อนซื้อแปรงสีฟัน หวั่นกระทบต่อสุขภาพช่องปาก



กรมอนามัย เผยคนไทยเมินอ่านฉลากก่อนซื้อแปรงสีฟัน หวั่นกระทบต่อสุขภาพช่องปาก

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยคนไทย ร้อยละ 57 ไม่อ่านข้อมูลในฉลากแปรงสีฟันก่อนตัดสินใจซื้อ หวั่นได้แปรงสีฟันที่ไม่เหมาะกับสุขภาพช่องปาก แนะอ่านฉลากทุกครั้ง จะช่วยให้ได้แปรงสีฟันที่มีคุณภาพ
ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงการเลือกซื้อแปรงสีฟันให้เหมาะกับสุขภาพช่องปากว่า พฤติกรรมในการแปรงฟันของประชาชนส่วนใหญ่พบว่า ร้อยละ 98 แปรงฟันตอนเช้า แปรงก่อนนอนร้อยละ 78 ซึ่งจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แต่หลังอาหารกลางวัน พบว่ามีการแปรงฟันน้อยมากไม่ถึงร้อยละ 10 และจากผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพช่องปากของคนไทยในปี 2554 จำนวน 3,391 คน พบว่ากลุ่มตัวอย่างเลือกใช้แปรงสีฟันขนนุ่มหรือนุ่มพิเศษ ร้อยละ 52 เลือกใช้ขนนุ่มปานกลาง ร้อยละ 41 และเลือกใช้ขนแปรงแข็ง ร้อยละ 6 นอกจากนี้ยังพบว่า ไม่เคยอ่านข้อมูลในฉลากแปรงสีฟัน ร้อยละ 57 ทั้งๆ ที่แปรงสีฟันเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลากตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ออกประกาศให้แปรงสีฟันทุกยี่ห้อทุกรุ่น ต้องระบุข้อมูลให้เพียงพอต่อการเลือกซื้อแปรงสีฟันของประชาชน คือ 1) ความอ่อนแข็งของขนแปรง 2) ลักษณะปลายขนแปรง เช่น ปลายมน ปลายเรียวแหลม 3) วัสดุที่ใช้ทำขนแปรงและด้ามแปรง 4) วิธีใช้ ข้อแนะนำ และ 5) แปรงสีฟันเด็กต้องระบุ กลุ่มอายุที่เหมาะสมบนฉลากด้วย เช่น ต่ำกว่า 3 ปี 3-6 ปี 6-12 ปี เป็นต้น



วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เทรนออกกำลังกายปี 2558

ช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้ คนไทยลุกขึ้นมาออกกำลังกายกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายที่บ้าน ที่ฟิตเนส หรือเปิดวิดีโอเต้นตาม ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก และเชื่อว่าการออกกำลังกายและเล่นกีฬาก็ยังจะได้รับความนิยมไปตลอดปี 2558 ซึ่งกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ก็ได้ไปสอบถามเยาวชนรวมทั้งติดตามกระแสการกีฬาต่าง ๆ ก่อนจะสรุปเทรนด์ฮิตการออกกำลังกายในปี 2558 มาให้รู้กัน ลองไปดูว่าในปี 2558 จะมีการออกกำลังกายแบบไหนได้รับความนิยมบ้าง          
             1. เล่นฟุตบอล กีฬายอดนิยมที่คนกลับมาเล่นกันมากขึ้น หลังจากทีมชาติไทยได้แชมป์อาเซียน 

           2. วอลเลย์บอล เป็นกีฬาที่เพศหญิงนิยมเล่นกันมากขึ้น ขณะที่คนไทยก็ติดตามและตอบรับการแข่งขันวอลเลย์บอลเป็นอย่างมาก

           3. เดินช้า เป็นกีฬาเบา ๆ ใช้อุปกรณ์น้อย เหมาะกับผู้สูงอายุ

           4. วิ่ง ทั้งวิ่งช้าและวิ่งเร็ว เพราะปัจจุบันมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการวิ่งมากมาย หลายรูปแบบ และจะเห็นว่าในกิจกรรมแต่ละครั้ง ก็มีคนเข้าร่วมจำนวนมากขึ้น

           5. ปั่นจักรยาน กำลังฮอตฮิตเป็นเทรนด์ใหม่ของคนเมืองเลย โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น

           6. เล่นโยคะ ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นกิจกรรมเบา ๆ ที่ช่วยยืดเส้นยืดสาย ช่วยเรื่องการยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ

           7. เข้าฟิตเนส ฮิตมาสักพักใหญ่ และยังคงฮิตต่อไปอีกในกลุ่มผู้ชายที่อยากมีกล้ามล่ำ หรือดูฟิตแอนด์เฟิร์ม จะได้เป็นที่สนใจของสาว ๆ ส่วนสาว ๆ ก็ฮิตเข้าฟิตเนส เพราะอยากมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง

           8. แอโรบิค สมัยนี้ไม่ใช่แค่การเต้นแอโรบิคประกอบจังหวะเพลงตามสวนสาธารณะ หรือลานกว้างเท่านั้น แต่ยังมีการผสมผสานศิลปะแม่ไม้มวยไทยเข้าไปด้วย 

           9. เต้นบาสโลบ เป็นกิจกรรมเข้าจังหวะที่ไม่ยาก ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ และเหมาะกับผู้สูงอายุด้วย

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558

แปะก๊วย สมุนไพรสรรพคุณทรงคุณค่า บำรุงร่างกายได้ยอดเยี่ยม


     แปะก๊วย หรือที่มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Ginkgo biloba เป็นสมุนไพรที่มีมาตั้งแต่โบราณ ว่ากันว่าเป็นพืชโบราณที่มีความเป็นมาตั้งแต่ 270 ล้านปีก่อน โดยเจ้าสมุนไพรชนิดนี้มีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศจีน และถูกนำมาใช้ในแพทย์แผนจีนติดต่อกันมายาวนานกว่า 5,000 ปี ในอดีต แพทย์แผนจีนจะนิยมนำแปะก๊วยมาใช้ในการบำบัดอาการไอ หืด และภาวะภูมิแพ้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วส่วนที่นิยมนำมาสกัดหรือใช้ในการรักษาโรคมากที่สุดคือส่วนของใบ แต่คนก็นิยมนำเมล็ดของแปะก๊วยมาเป็นส่วนประกอบในอาหารต่าง ๆ มากมาย เช่น ขนมหวาน หรือบะจ่าง โดยเมล็ดแปะก๊วย 100 กรัมมีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้
 
           พลังงาน 182 แคลอรี
           โฟเลต 54 ไมโครกรัม
           ไนอะซิน 6 มิลลิกรัม
           กรดแพนโทเทนิก 0.16 มิลลิกรัม
           ริโบฟลาวิน 0.16 มิลลิกรัม
           ไทอามีน 0.22 มิลลิกรัม
           วิตามินเอ 558 ยูนิต
           วิตามินซี 15 มิลลิกรัม
           โพแทสเซียม 510 มิลลิกรัม
           ทองแดง 0.274 มิลลิกรัม
           ธาตุเหล็ก 1 มิลลิกรัม
           แมกนีเซียม 27 มิลลิกรัม
           แมงกานีส 0.113 มิลลิกรัม
           ฟอสฟอรัส 124 มิลลิกรัม
           สังกะสี 0.34 มิลลิกรัม
 แปะก๊วย สรรพคุณล้ำเลิศ ประโยชน์ดี ๆ ทั้งในเมล็ดและใบ
 
          ด้วยสรรพคุณและประโยชน์อันมากมายที่มีอยู่ในตัวของเมล็ดแปะก๊วย และใบแปะก๊วย จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นแปะก๊วยถูกแปลงร่างมาเป็นทั้งของกินและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ แต่ว่าสรรพคุณของแปะก๊วยที่โดดเด่นมีอะไรบ้าง ลองไปดูกันเลยค่ะ
 
 ลดระดับคอเลสเตอรอล
 
          เมล็ดแปะก๊วยมีสรรพคุณในการช่วยลดระดับคอเลสเตอรล โดยการศึกษาในปี 2008 จาก Food Research International พบว่าไขมันที่สามารถละลายน้ำได้ที่อยู่ในเมล็ดแปะก๊วย มีส่วนสำคัญในการลดระดับคอเลสเตอรอลในตับ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยในการป้องกันโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจได้อีกด้วย
 
 ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
 
          เมล็ดแปะก๊วยเป็นแหล่งสะสมของสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อร่างกาย ป้องกันการถูกทำลายของเซลล์ในร่างกายจากสารอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งเกือบทุกชนิด ถึงแม้ว่าจะนำเมล็ดแปะก๊วยไปปรุงจนสุกแล้วก็ยังคงมีสารต้านอนุมูลอิสระเหลืออยู่ถึง 60% ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับอาหารชนิดอื่น ๆ


วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เรื่อง หมึกๆ


อาหารทะเล เขาว่ามีคอเลสเตอรอลสูง โดยเฉพาะ "หมึก" แต่ถ้าใครชอบทานซีฟู้ดเป็นประจำ ก็ต้องระวังเรื่องสารพิษตกค้างที่แฝงมากับความอร่อยด้วยนะ


          หนึ่งในอาหารทะเลที่คนนิยมทานก็คือ "หมึก" นี่ล่ะ เพราะเนื้อกรุบ ๆ กรอบ ๆ แสนอร่อย ทำให้อดใจไม่ไหว แม้จะรู้ดีว่าเจ้าหมึกชิ้นอร่อยเป็นแหล่งอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงปรี๊ด งานนี้เหล่าคนชอบทานหมึกเลยสงสัยขึ้นมาว่า ถ้าทานหมึกบ่อย ๆ นอกจากต้องคอยระวังเรื่องคอเลสเตอรอลแล้ว ยังมีผลอื่น ๆ ต่อสุขภาพอีกหรือเปล่า ซึ่ง นพ.ฉัตรชัย อิ่มอารมณ์ ขออธิบายเรื่องนี้ให้ฟังในนิตยสาร Happy+ ค่ะ ว่า

          ก่อนอื่นต้องรู้ว่า "หมึก" มีสารอาหารอะไรบ้าง โดยหมึกสดน้ำหนักประมาณ 28 กรัม ให้พลังงาน 28 กิโลแคลอรี (ร่างกายคนเราต้องการประมาณ 1,500-1,200 กิโลแคลอรีต่อวัน) มีไขมันน้อยมาก (แทบจะเป็น 0 กรัมเลยทีเดียว) แต่มีคอเลสเตอรอลสูงมาก นั่นคือ 66 มิลลิกรัม (ร่างกายเราต้องการไม่เกิน 300 มิลลิกรัม) มีโปรตีน 4 กรัม (พอ ๆ กับนมสดขวดเล็ก 1 ขวด) อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากข้อมูลทางโภชนาการแล้วก็ไม่พบว่าหมึกจะมีอะไรน่าเป็นห่วงนอกจากคอเลสเตอรอล แต่ยังมีอย่างอื่นที่ซ่อนอยู่กับหมึกหรืออาหารทะเลเหล่านี้ครับ

          สิ่งที่ซ่อนอยู่ในหมึกพวกนี้ก็คือการปนเปื้อนของโลหะหนักนั่นเองครับ โดยเฉพาะแคดเมียม ซึ่งหากร่างกายได้รับแคดเมียมในปริมาณต่ำ ๆ จะไปสะสมในไต เช่นเดียวกับโลหะหนักอีกหลายชนิด แต่ถ้ามากเกินไป ในระยะยาวอาจทำให้เกิดโรคกระดูกโปร่ง กระดูกพรุน

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

นอนไม่หลับทำไงดี



       นอนไม่หลับทำไงดี มีกระแสที่บอกว่า ลองนอนเอาเท้าออกนอกผ้าห่มสิ วิธีนี้ช่วยให้นอนหลับสบายขึ้นได้


        ไม่ว่าใครก็คงอยากนอนหลับให้สบายตลอดทั้งคืน แต่บางทีก็เจอปัญหานอนไม่หลับบ้าง หลับยากบ้างหรือสะดุ้งตื่นกลางดึกจนนอนไม่พอสักวัน เอาล่ะมาจบปัญหาการนอนไม่หลับหรือนอนหลับไม่สบายกันดีกว่าด้วยวิธีง่ายๆเลย แค่นอนเอาเท้าออกนอกผ้าห่มเท่านั้น 

        วิธีนอนเอาเท้าออกจากผ้าห่มอาจเป็นเคล็ดลับช่วยให้นอนหลับสบายของใครหลายคนมานานแล้วแต่เคยข้องใจกันบ้างไหมว่าทำไมแค่แหย่เท้าออกจากผ้าห่มขณะนอนหลับก็ช่วยให้หลับสบายขึ้นได้ง่ายๆคำตอบก็คือกลไกการนอนหลับของเราเกี่ยวข้องกับอุณหภูมิในร่างกายซึ่งโดยปกติร่างกายจะลดระดับอุณหภูมิลงประมาณ 2-3 องศาเซลเซียสเพื่อให้ร่างกายอยู่ในจุดที่สบายเปิดโอกาสให้ความง่วงงุนเริ่มครอบงำและจะลดระดับอุณหภูมิลงต่อไปอีกนิด เมื่อถึงช่วงการนอนหลับลึก ซึ่งนี่ล่ะค่ะคือเหตุผลที่ทำให้การนอนหลับเอาเท้าออกนอกผ้าห่มช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้นเนื่องจากเท้าก็เป็นอวัยวะหนึ่งที่ช่วยระบายความร้อนจากร่างกายได้ดีเลยทีเดียวและนอกจากฝ่าเท้าจะเป็นอวัยวะไร้ขนที่ช่วยระบายความร้อนได้ดีแล้วเท้าของเรายังประกอบไปด้วยหลอดเลือดชนิดพิเศษที่ชื่อว่าหลอดเลือดAVAs(ArteriovenousAnastomosis)ซึ่งเป็นหลอดที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้เป็นปกติและมีหน้าที่ส่งกระแสเลือดไปยังเส้นเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนังฝ่าเท้าอีกทีคราวนี้พอเรานอนเอาเท้าออกมารับอากาศนอกผ้าห่ม ความเย็นจากอากาศนอกร่มผ้าที่ปะทะกับหลอดเลือดใต้ฝ่าเท้าก็จะทำให้หลอดเลือด AVAs ต้องปรับอุณหภูมิภายในร่างกายใหม่ โดยกระจายเอาความร้อนภายในหลอดเลือดที่มีอยู่ออกมาและเมื่อกระแสเลือดที่ีมีอุณหภูมิลดลงไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกายก็จะส่งผลให้อุณหภูมิแกนของร่างกายเย็นลงด้วยคราวนี้เราก็นอนหลับได้อย่างสบายมากขึ้นแล้ว

         อย่างไรก็ดี การนอนหลับเอาเท้าออกนอกผ้าห่มอาจจะเหมาะกับคนที่นอนไม่เปิดแอร์มากกว่าเพราะจะช่วยเฉลี่ยอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ในจุดที่สบายได้ทว่าหากคุณเป็นคนที่ต้องนอนเปิดแอร์ทั้งคืนอยู่แล้วการนอนเอาเท้าออกนอกผ้าห่มอาจทำให้เป็นหวัดและไม่สบายเอาได้ เพราะเท้าอาจได้รับความเย็นมากจนเกินไปนะคะถ้าอย่างนั้นคืนไหนรู้สึกร้อนแต่ไม่อยากเปลืองแอร์ก็ลองนอนเอาเท้าออกนอกผ้าห่มดู